ประชาธิปไตย! มาใช้วิธีโหวตทางเลือกกันเถอะ

Thammarith
1 min readNov 19, 2017

ก: เที่ยงแล้ว จะกินอะไรดี
ทุกคน: อะไรก็ได้
ก: งั้นโหวตกัน ใครชอบอันไหน โหวตอันนั้นนะ
ทุกคน: อื้ม

ตู้ม! ผลลัพธ์
- 5คนเลือกข้าวแกงหน้าปากซอย
- 4คนเลือกเซเว่น
- 3 คนเลือกไม่กินเลย

สรุปว่าไปกินข้าวแกงหน้าปากซอยนะ

เห็นปัญหากับการโหวตแบบนี้ไหมครับ?

5 คนจาก 12 คน (41.66%) เป็นฝ่ายชนะ ทั้ง ๆ ที่อีก 7 คน (58.33%) เลือกอย่างอื่น อย่างนี้เรียกว่า ‘เสียงข้างมาก’ ได้ไหม?

การโหวตแบบนี้มีชื่อเรียกว่า First Past the Post (FPtP) ซึ่งหมายความว่า ใครที่ได้เสียงมากที่สุด ไปก็ชนะ ซึ่งเป็นการโหวตที่พวกเราใช้กันประจำ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อย เราก็ใช้ระบบการโหวตแบบนี้

แต่ก็อย่างที่เห็นไปแล้วว่า การโหวตแบบนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ทุกคน เพราะในตัวอย่างด้านบน คนเกินครึ่ง (7 คน) กลับแพ้ให้กับคน 5 คน

ถึงแล้วแล้วหรือยังที่เราจะมาใช้การโหวตแบบ ทางเลือก กัน?

การโหวตแบบทางเลือก

การโหวตแบบทางเลือกนั้นเกิดจากแนวคิดที่ให้ 1 คนโหวตได้มากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งถ้ามองเป็นการเลือกตั้งจะสามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้

มีผู้สมัครจาก 4 พรรคได้แก่
1. พรรค กขค.
2. พรรค ฅมฌ.
3. พรรค ฅษฌ.
4. พรรค ครม.

ถ้าหากเป็นการโหวตแบบทั่วไป เราก็คงให้กาแค่ 1 พรรคที่ชอบ

แต่การโหวตแบบทางเลือกนั้น จะให้เลือกว่า ชอบพรรคไหน ตามลำดับ

สมมติผลชอบพรรค กขค. > ครม. > ฅมฌ. > ฅษฌ. เวลาไปเลือก ก็ใส่ตัวเลข 1 – 4 ไปตามลำดับ ซึ่งก็จะเป็น (1) กขค. > (2) ครม. > (3) ฅมฌ. > (4) ฅษฌ. (ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลข 1 – 3 ก็น่าจะเพียงพอแล้ว)

หลังจากนั้นเวลานับคะแนน ก็นับว่าใครที่คนใส่หมายเลข 1 ไปมากที่สุด ถ้าคนนั้นคะแนนยังไม่เกินครึ่ง ก็ให้ดูว่าคนที่ใส่หมายเลข 1 ให้พรรคที่ได้หมายเลข 1 น้อยที่สุด (พรรคท้ายตาราง) เลือกพรรคไหนเป็นพรรคที่ 2 แล้วนำคะแนนส่วนนั้นไปทดให้พรรคที่เลือกเป็นหมายเลข 2 ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้พรรคที่ได้เกิน 50%

อาจจะฟังดูซับซ้อน และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ที่สำคัญ การเลือกแบบนี้ก็ยังมีปัญหาที่ว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังไม่ได้บอกสัดส่วนที่ชัดเจนของคนเลือก (ยังเกิดปัญหาแบบในตัวอย่างบนสุดได้) แต่ก็ยังดีกว่าการเลือกแบบที่เราใช้อยู่กันในปัจจุบัน (FPtP)

ในเมื่อยังมีปัญหา แล้วจะมาชวนให้ใช้แบบนี้ทำไม!?

ก็เพราะว่า มันเป็นทางเลือกที่ดีกว่า FPtP ครับ การเลือกแบบนี้ถึงจะไม่ได้แสดงถึงสัดส่วนของคนโหวตที่ชัดเจน แต่ก็จะได้ตัวเลือกที่คนส่วนมาก ยอมรับ

แต่ฟังดูงงจังเลยอะ ขอแบบง่าย ๆ ไม่ต้องมาไล่ลำดับได้ไหม?

ได้สิครับ!

เพียงแค่ครั้งต่อไปที่คุณจะทำการโหวต แทนที่จะขอให้ทุกคนเลือก ตัวเลือกที่ชอบมากที่สุด ก็ขอให้ทุกคนเลือก ตัวเลือกที่โอเค แทน

ซึ่งนั่นแปลว่า ทุกคนจะโหวตได้มากกว่า 1 ครั้ง

แล้วแบบนี้มันจะดีหรอ

ดีสิครับ ลองมาดูตัวอย่างแรกใหม่กัน แต่ครั้งนี้เราจะใช้ระบบโหวตแบบทางเลือกกัน

- a, b, c, d, e, f โอเคกับข้าวแกงหน้าปากซอย
- f, g, h, i, j โอเคกับเซเว่น
- a, b, c, g, j, k, l โอเคกับการไม่กินอะไรเลย

เห็นไหมครับ? คราวนี้จากที่ทุกคนต้องไปกินข้าวแกงหน้าปากซอย กลับกลายเป็นว่า ทุกคนโอเคกับการที่ไม่ต้องกินอะไรเลย ซึ่งทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้มีคนเลือกแค่ 3 คน แต่ตอนนี้กลับมีคนโอเคด้วยถึง 7 คน ซึ่งก็เกินครึ่ง

ดังนั้น แบบนี้น่าจะดีกว่า

แล้วแบบไหนดีสุด

การโหวตแบบที่น่าจะดีที่สุด ก็คงเป็น Mixed-Member Proportional Representation (MMPR) ซึ่งให้เลือก 2 ครั้ง เหมือนการเลือกตั้งในไทยที่มีสส.แบบเขต (เพื่อการให้เสียงกับคนพื้นที่) และแบบบัญชีรายชื่อ (เพื่อให้เกิดสัดส่วนที่ถูกต้อง)

แต่จะกลายเป็นเรื่องที่ยากไป และไม่สะดวกกับการใช้ในชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่

สำหรับคนที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ https://www.youtube.com/watch?v=QT0I-sdoSXU (ภาษาอังกฤษ มีซับไตเติล)

สรุป

โหวตครั้งต่อไป แทนที่จะโหวตให้ตัวเลือกที่ชอบมากที่สุด ให้โหวตตัวเลือกที่รับได้แทน ตัวเลือกไหนที่คนรับได้มากที่สุด ก็จะชนะไป

รู้งี้แล้ว มาใช้การโหวตแบบทางเลือกกันดีกว่า เพราะนอกจากจะเป็นประชาธิปไตยแล้ว ทุกคนก็แฮปปี้ด้วย

เนื้อเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากวิดีโอของ CGP Grey (https://youtu.be/orybDrUj4vA)

--

--

Thammarith

Senior Software Engineer at Agoda・Coding and having existential crisis simultaneously・thammarith.dev